สงขลา-คณะสงฆ์ออกมาชี้แจง กรณีมีข่าวทิ้งพุทธมณฑลจังหวัดสงขลาให้รกร้าง ความจริงเป็นช่วงโควิด 19 ยันมีการขับเคลื่อนก่อสร้างอยู่

สงขลา-คณะสงฆ์ออกมาชี้แจง กรณีมีข่าวทิ้งพุทธมณฑลจังหวัดสงขลาให้รกร้าง ความจริงเป็นช่วงโควิด 19 ยันมีการขับเคลื่อนก่อสร้างอยู่

 

วันนี้ 23 สิงหาคม 2563 ที่พุทธมณฑลจังหวัดสงขลา อ.เมือง จ.สงขลา หลังจากที่มีข่าวออกมาว่ามีการสถานที่ก่อสร้างพุทธมณฑลจังหวัดสงขลา มีการปล่อยให้ทิ้งรกร้าง ซึ่งทางคณะสงฆ์โดยการนำของ พระครูสุวัฒนาภรณ์ รอง เจ้าคณะะจังหวัดสงขลา / เจ้าอาวาสวัดนาทวี , พระครูบัณฑิตธรรมาลังการ เจ้าคณะอำเภอสะเดา และพระปลัดพลกฤต กลฺยาณธมฺโม วัดมหัตตมังคลาราม ได้ออกมาชี้แจงในเรื่องดังกล่าวโดยให้พระครูสุวัฒนาภรณ์ รองเจ้าคณะจังหวัดสงขลา / เจ้าอาวาสวัดนาทวี มาชี้แจง


ซึ่ง พระครูสุวัฒนาภรณ์ หรือพระอาจารย์ภัทร อริโย รองเจ้าคณะจังหวัดสงขลา /เจ้าอาวาสวัดนาทวี อ.นาทวี จ.สงขลา กล่าวว่า ขอเจริญพรโยม ตามที่มีข่าวบอกว่าพุทธมณฑลจังหวัดสงขลาได้ทิ้งร้าง ก็อยากจะเจริญพรญาติโยมที่เป็นชาวพุทธทุกท่าน ว่าบางคนบางท่านใจห่อเหี่ยวว่า ทำไมถึงทิ้งร้าง จริงๆแล้วไม่ได้ทิ้งร้าง ไม่ได้รก ช่วงนี้ไม่ได้รกแล้ว ไม่ได้ร้างเพียงแต่ยังสร้างไม่เสร็จคุณโยม ถ้าท่านได้เข้ามาดูแล้วจะเห็นว่าพื้นที่ตรงนี้ยังอยู่ในพื้นที่ของเขตการก่อสร้าง ที่ทางผู้รับเหมาก่อสร้างเซ็นสัญญากับสำนักงานจังหวัด เพราะบางอย่างทางสำนักงานจังหวัดซึ่งใช้ทุนจากจังหวัดมาก่อสร้างดังนั้น ตอนนี้ก็อยู่ในช่วงเวลาระยะการก่อสร้าง ในระยะเวลาในการสร้างที่ได้เนินนาน ก็อยากจะพูดกันตรงๆว่าเกิดมาจากงบประมาณ การที่เราอาศัยงบประมาณในส่วนหนึ่ง

นอกเหนือจากเงินที่ได้มาจากการบริจาคจากศรัทธาญาติโยมพี่น้องแล้วทางงบประมาณของรัฐบาลที่ผ่านมาถึงจังหวัด งบพัฒนาจังหวัดนี้ไม่ใช่ได้มาเป็นก้อนมากๆ แต่เขาจะให้มาเป็นเครสงาน เช่นว่าช่วงนี้ก็ทำฐานพระพุทธรูป พระประธาน องค์พุทธมณฑล แล้วก็บริเวณ หลังจากนั้น ปีหน้า อาจจะมีอะไรสักชิ้นงาน ที่นี้ระยะเวลามันจะยืดออกมาเยอะ เพราะว่าเงินของงบประมาณจังหวัดนี้ เขายังมีการพัฒนาในเรื่องอุปโภคบริโภคของประชาชนเกิดอุทกภัยอะไรต่างๆนาๆ ดังนั้นการที่จะมาช่วยเหลือพุทธมณฑลจังหวัดสงขลาให้เต็มเม็ดเต็มหน่วยไม่ถึงกับมาก แต่เพียงว่าทำได้เป็นเครสงาน แล้ว ณ วันนี้ ถือว่าเขาเดินมาเป็นระยะๆ นี่คือที่คุณโยมเห็น ส่วนของคณะสงฆ์นี้ก็มีส่วนหนึ่งก็คือเรื่องของพระพุทธรูปทั้งหมด ดังนั้นการทำงานระยะเวลาตั้ง 7 – 8 ปีนี้ ก็คือเราทำมาเป็นระบบ เพราะจริงๆแล้วตรงนี้ก็เป็นดินถม ถมเสร็จแล้วก็ก็จะก่อสร้างอาคารไม่ได้พอรีบเสร็จแล้วมันจะยุบตัว เจริญพรโยมว่าตรงนี้เมื่อก่อนเราถมเยอะ แต่หลังจากที่มีหมู่บ้านเกิดขึ้นมาเขาก็ถมสูงขึ้นมาอีกกลายเป็นที่กักเก็บน้ำ


พระครูสุวัฒนาภรณ์ ยังกล่าวอีกว่า ส่วนภาคประชาชนที่เข้ามาดูแลที่ผ่านมา แล้วก็ได้เข้ามาตรวจตราว่ายังดำเนินการอยู่หรือเปล่า อันนี้ก็เป็นการเจตนาหวังดีเพื่อให้การขับเคลื่อนพุทธมณฑลของชาวพุทธทุกคนทุกท่าน จะได้ชี้แจงจะได้รู้กัน บางท่านก็ไม่รู้ ว่าเรามีพุทธมณฑลจังหวัดสงขลาอยู่ เพียงแต่ว่า ข่าวที่ออกไป ญาติโยมพี่น้องที่เป็นชาวพุทธเกิดความไม่สบายใจว่าทำไมต้องปล่อยทิ้งร้างตรงนี้ แต่ถือว่าการที่ภาคประชาชนได้เข้ามาดูแลถือว่าขออนุโมทนา อย่างน้อยคณะสงฆ์ก็ได้ชี้แจงว่าเรากำลังดำเนินการอยู่ ส่วนในเรื่องของ ณ วันนี้ เราก็ได้มีคณะผู้มีจิตศรัทธาชุดหนึ่ง ซึ่งหลายเดือนแล้ว เขาก็ได้มาช่วยเหลือพุทธมณฑล ตอนนี้ก็เริ่มขับเคลื่อนๆกันอยู่โดยได้ร่วมกันบริจาคเพื่อที่จะก่อสร้างเสนาสนะ ก่อสร้างเช่นว่าปลูกต้นไม้ ต้นไม้ใหญ่เลยเอามาทั้งต้นใหญ่ๆเพื่อให้เกิดความร่มเงาในพุทธมณฑลแห่งนี้

ก็มีท่านสุพิศ แล้วก็คณะหลายท่านที่เป็นเคหบดีของจังหวัดสงขลารวมกับญาติโยมพี่น้องทุกคนที่ได้ช่วยกันอยู่แล้ว ก็ถือว่าการขับเคลื่อนอย่างนี้ก็ต้องขออนุโมทนาขอบคุณภาพประชาชนที่ได้มาช่วยต่อประสานที่จะทำให้พุทธมณฑลของเราได้เสร็จสำเร็จให้เรียบร้อย จริงๆแล้วคณะสงฆ์เองก็อยากจะให้ตั้งแต่วันนี้ พรุ่งนี้เลย เพราะว่าตรงนี้เราจะทำพุทธมณฑลแบบมีชีวิต ก็คือจะมีพระภิกษุ สามเณร ญาติโยมชาวพุทธ จะได้มาประพฤษปฎิบัติธรรมได้มาเรียนรู้เกี่ยวกับหลักการสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในส่วนของคณะๆหนึ่งก็ได้บอกแล้วว่า เราน่าจะมีอาคารในการปฎิบัติธรรมของตรงนี้เพื่อจะได้ไว้ใช้สอยให้ดูแล้วว่ามีญาติโยมพี่น้องได้มาใช้สอยอยู่ เพราะหลังจากที่มีโควิด 19 มันเงียบหายไปจริงๆทำให้เกิดการรกไปหน่อยหนึ่งแต่ตอนนี้ก็ได้ปรับความสะอาด แต่ยังมีการพวกก่อสร้างยังไม่เสร็จยังมีกองหิน กองทราย ต้องใช้เวลาหน่อย การขับเคลื่อนก็ไม่ได้หยุด ขอเจริญพร

นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา