ฉะเชิงเทรา-รองผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา รับมอบเครื่องกรองอากาศกำจัดเชื้อไวรัสโควิด – 19 พร้อมนำแอปพลิเคชั่น “หมอชนะ” มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการคัดกรองและรักษา แสดงพิกัดจุดเสี่ยงจากเชื้อไวรัสโควิด-19 (ชมคลิป)

ฉะเชิงเทรา-รองผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา รับมอบเครื่องกรองอากาศกำจัดเชื้อไวรัสโควิด – 19 พร้อมนำแอปพลิเคชั่น “หมอชนะ” มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการคัดกรองและรักษา แสดงพิกัดจุดเสี่ยงจากเชื้อไวรัสโควิด-19

 

[embedyt] https://www.youtube.com/watch?v=q_QXOe3jlAk[/embedyt]

เมื่อวานนี้ (27 เมษายน 2563) ที่ห้องประชุมศูนย์ข้อมูลอาเซียน ศาลากลางจังหวัดฉะเชิงเทรา นายสรายุทธ แก้วกุลปรีชา รองผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา ให้การต้อนรับ “กลุ่มช่วยกัน” นำโดยนายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA และกลุ่มพันธมิตร พร้อมกล่าวเปิดแถลงข่าว “รวมพลังคนไทย ฝ่าวิกฤตโควิด – 19” และเปิดตัวแอปพลิเคชั่น “หมอชนะ” แอปพลิเคชั่นที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการคัดกรองและรักษา แสดงพิกัดจุดเสี่ยงโรคติดเชื้อไว้รัสโควิด-19


นายสรายุทธ แก้วกุลปรีชา รองผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวว่า ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้น สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนทั้งด้านสุขภาพ ความเป็นอยู่ ทำให้ขาดรายได้เพื่อการยังชีพ จึงจำเป็นต้องมีเครื่องมือหรือวิธีการเพื่อทำให้สามารถฟื้นฟูการดำเนินชีวิตและ การประกอบอาชีพให้กลับมาโดยเร็ว และปรับตัวให้อยู่กับโควิด-19 ที่จะยังคงอยู่กับเราไปอีกระยะใหญ่ ดังนั้น เล็งเห็นว่า แอปพลิเคชั่น “หมอชนะ” เป็นเครื่องมือที่จะสามารถนำมาใช้ร่วมกับมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมได้เป็นอย่างดี

จึงยืนยันที่จะให้ข้าราชการโหลดแอปพลิเคชั่น “หมอชนะ” มาใช้พร้อมกับส่งเสริมให้ภาคเอกชน สถานประกอบการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนิคมอุตสาหกรรมที่อยู่ในพื้นที่ของจังหวัด นำแอปหมอชนะมาใช้ ควบคู่กับมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม และการรักษาสุขอนามัย เช่น การล้างมือให้สะอาด การสวมใส่หน้ากาก หลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง เป็นต้น ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับอย่างเต็มที่ และจะผลักดันให้ฉะเชิงเทราเป็นจังหวัดนำร่อง ในการบรรลุเป้าหมายที่จะเปิดเมืองได้ นำไปสู่การขยายผลไปยังจังหวัดอื่นๆ ได้ต่อไป


ด้านนายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA กล่าวว่า สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโควิด – 19 ที่ยืดเยื้อ และมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจนเกือบถึงวิกฤต ขณะเดียวกันองค์การอนามัยโลกคาดการณ์ว่าโควิด-19 จะยังคงอยู่ไปอีกระยะใหญ่ จึงได้เข้าช่วยเหลือเพื่อหาวิธีที่จะให้คนไทยสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ ภายใต้ข้อจำกัดที่ยังไม่มีวัคซีนและยาที่ใช้ได้ผล จึงได้ชักชวนพันธมิตรเพื่อมาร่วมมือกันในชื่อ “กลุ่มช่วยกัน” ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา

โดยมีเจตน์จำนงว่าสมาชิกและพันธมิตรของกลุ่มช่วยกันจะร่วมมือกันแก้ไขปัญหาของประเทศในรูปของกลุ่มอิสระโดย ไม่หวังผลประโยชน์ขับเคลื่อนโครงการต่างๆ เน้นการใช้พลังสมองในการวิเคราะห์และคาดการณ์นำเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาใช้จัดการกับปัญหาในลักษณะที่จะส่งผลในวงกว้างให้มากที่สุด และลงมือปฏิบัติด้วยตนเองพร้อมกับทีมงานทั้งภายในและต่างประเทศ โดยทีมงานของกลุ่มช่วยกันประกอบไปด้วย ผู้ที่มีประสบการณ์และความรู้ความสามารถหลากหลาย ทั้งด้านวิศวกรรมการออกแบบและติดตั้งอุปกรณ์ ผู้เชี่ยวชาญการพัฒนาซอฟแวร์ การวิเคราะห์และคาดการณ์ข้อมูล สถาบันการศึกษา ผู้ให้บริการข่าวสารและบันเทิง สื่อสารมวลชนทุกแขนง องค์กรอิสระและทีมงานสนับสนุนจำนวนมาก


สำหรับเทคโนโลยีเพื่อการป้องกัน ติดตาม และประเมินความเสี่ยงของประชาชน โดยใช้ แอปพลิเคชัน “หมอชนะ” ที่จะทำให้คนไทยกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้เร็วขึ้น โดยในวันนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปิดตัว จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็น “จังหวัดนำร่อง” ซึ่งถือเป็นต้นแบบนำไปสู่การสร้าง “ฉะเชิงทรา โมเดล” ซึ่งเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่สำคัญจังหวัดหนึ่งของประเทศ นอกจากนี้ EA ยังได้ร่วมสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนาของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมและงานวิจัยเกี่ยวกับสาธารณสุขเป็นอย่างยิ่ง และสามารถผลิตชุดตรวจประสิทธิภาพสูง PSU COVID-19 ที่มีคุณภาพเทียบเท่าระดับสากล ในต้นทุนการตรวจที่ต่ำ ทำให้สามารถนำชุดตรวจโควิด-19 มาใช้ตรวจสอบยืนยันโรคได้มากขึ้น จึงช่วยให้รู้สถานการณ์ที่แท้จริงของโรคได้และจัดการได้อย่างถูกต้อง แม่นยำอีกด้วย

ในโอกาสเดียวกันนี้ นายสรายุทธ แก้วกุลปรีชา รองผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา รับมอบเครื่องกรองอากาศกำจัดเชื้อไวรัสโควิด – 19 จากนายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA และพันธมิตรกลุ่ม “ช่วยกัน” จำนวน 50 เครื่อง ใช้ในผโรงพยาบาลต่างๆ ในพื้นที่ของ จ.ฉะเชิงเทรา รวมไปถึงพันธมิตร โครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมฉะเชิงเทรา บลูเทค ซิตี้ มอบน้ำดื่ม จำนวน 2,000 ขวด แก่โรงพยาบาลพุทธโสธร โรงพยาบาลพนมสารคาม และโรงพยาบาลบางน้ำเปรี้ยว เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนชาวฉะเชิงเทรา