อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดการประชุมและมอบนโยบายด้านการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานในต่างประเทศ ประจำปี 2569

13415400

อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดการประชุมและมอบนโยบายด้านการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานในต่างประเทศ ประจำปี 2569

 

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2568 เวลา 09.30 น. นายสมชาย​ มรกตศรีวรรณ​ อธิบดีกรมการจัดหางาน เป็นประธานมอบนโยบายด้านการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ ประจำปี 2569 โดยมี ผู้บริหารกระทรวงแรงงาน เจ้าหน้าที่ สมาคมจัดหางานไทย สมาคมส่งเสริมแรงงานไทย​ ภาคเอกชนเข้าร่วมกว่า 300 คน โดยมี​ ผอ.ทิพวรรณ ธงศรีผู้อำนวยการกองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ กล่าวรายงาน ณ ห้องแกรนด์บอลรูม ชั้น 3 โรงแรมดิ เอมเมอรัลด์ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร

การประชุมครั้งนี้ถือเป็นเวทีใหญ่ปลายปี ที่เปิดโอกาสให้รัฐและเอกชนร่วมกำหนดทิศทางการส่งออกแรงงานไทยในปี 2569 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ตลาดแรงงานโลกกำลังแข่งขันกันอย่างเข้มข้น และแรงงานไทยจำเป็นต้อง “ยืนหนึ่งด้านทักษะและความน่าเชื่อถือ” เพื่อรักษาพื้นที่ในตลาดงานต่างประเทศ
ทบทวนภาพรวมปี 2568 : แรงงานไทย 200,000 คนในต่างประเทศคือแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

อธิบดีกรมการจัดหางานกล่าวในที่ประชุมว่า ปีที่ผ่านมา แรงงานไทยในต่างประเทศกว่า 200,000 คน มีบทบาทสำคัญในการนำรายได้กลับประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจครัวเรือนไทยอย่างต่อเนื่อง
ในปี 2568 มีแรงงานไทยที่เคยไปทำงานต่างประเทศ กว่า 1,300 คน มาถ่ายทอดประสบการณ์ให้แรงงานรุ่นใหม่ ถือเป็นฐานข้อมูลที่มีคุณค่ายิ่งในการพัฒนานโยบายปีถัดไป​ รวมถึง​ 5 อันดับประเทศที่มีการจัดส่งแรงงานมากที่สุด ได้แก่​ ไต้หวัน​ อิสราเอล​ เกาหลี​ ญี่ปุ่น​ อินเดีย


ซึ่งทั้งห้าประเทศยังมีความต้องการแรงงานทักษะจำนวนมาก โดยเฉพาะสายช่าง เทคนิค การผลิต และบริการ
ปี 2569 : ปีแห่งการแข่งขันที่เข้มข้น รัฐต้องปรับตัว–เอกชนต้องร่วมขับเคลื่อน

นายสมชาย​ มรกตศรีวรรณ​ อธิบดีกรมการจัดหางานกล่าวว่า“วันนี้เราแข่งขันกับหลายประเทศ เราเคยยืนหนึ่ง แต่ปัจจุบันอยู่ในลำดับ 3–4 จำเป็นต้องเร่งพัฒนาทักษะแรงงานไทยอย่างจริงจัง ทั้งในด้านภาษา ทักษะอาชีพ และวินัยการทำงาน”
“ภาครัฐ” ไม่ได้แข่งขันกับเอกชน ในการจัดส่งแรงงาน แต่จะทำหน้าที่กำกับดูแล​ ป้องกันเหตุไม่พึงประสงค์​ สร้างความโปร่งใส​ สนับสนุนให้การจัดส่งเป็นระบบและเป็นธรรม

รัฐมุ่งเน้นให้แรงงานไทยได้รับ “ค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม–เป็นไปได้–ไม่สูงเกินจริง” และยืนยันว่าไม่สนับสนุนการเก็บค่าบริการที่เป็นภาระจนแรงงานต้องก่อหนี้เพิ่ม
G2G กับความท้าทายใหม่ : อิสราเอล–เกาหลี และบทเรียนค่าใช้จ่ายสูง​ กรณีประเทศอิสราเอลและเกาหลีใต้ ซึ่งใช้ระบบ Government to Government (G2G) อธิบดีเปิดเผยว่า ที่ผ่านมาเอกชนบางส่วนมีค่าใช้จ่ายสูงเกินมาตรฐาน ทำให้ภาครัฐต้องเข้ามาดำเนินการแทนในบางกรณี เพื่อป้องกันปัญหาการเอาเปรียบแรงงาน​ นโยบายใหม่จึงเน้นความโปร่งใส​ ค่าใช้จ่ายจริงการตรวจสอบก่อน–ระหว่าง–หลังเดินทาง​ การป้องกันปัญหาการค้ามนุษย์และนายหน้าเถื่อน
แนวทางนี้คาดว่าจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของแรงงานได้อย่างเป็นรูปธรรม​ เป้าหมายใหญ่ 52,000 อัตราใน 4 เดือนแรก : ภารกิจเร่งด่วนของกระทรวงแรงงาน

อธิบดีกรมการจัดหางานเปิดเผยว่า
คำสั่งของ รมว.ตรีนุช เทียนทอง ระบุว่าภายใน 4 เดือนแรกของปี 2569 ประเทศไทยต้องส่งแรงงานไปทำงานต่างประเทศให้ได้ 52,000 อัตราเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ภาคเอกชนจะต้องช่วยประสานงานตลาดงานในต่างประเทศ​ ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเข้มงวด​ ยึดสิทธิของแรงงานเป็นหลัก​ ทำงานเชิงรุกเพื่อเปิดตลาดใหม่ ๆ
อธิบดีกรมการจัดหางานย้ำว่า”เสียงจากภาคเอกชนทุกข้อเสนอจะถูกนำเสนอในระดับกระทรวง เพื่อปรับกฎระเบียบให้สอดคล้องกับสถานการณ์จริงของตลาดแรงงานโลก”


นายชินวัฒน์​ ใจกุศลสูงยิ่ง นายกสมาคมการจัดหางานไทยไปต่างประเทศกล่าวว่าภาคเอกชนยินดีปฏิบัติตามนโยบายรัฐมนตรีแรงงาน พร้อมเสนอว่า​ กฎระเบียบบางข้อควรลดความซ้ำซ้อน​, ลดค่าใช้จ่ายไม่จำเป็นของแรงงาน, ให้เอกชนมี “พื้นที่ในการทำงาน” เพิ่มขึ้น เพราะมีความคล่องตัวและติดต่อกับต่างประเทศได้รวดเร็ว, มีมาตรการจัดการ มิจฉาชีพที่แอบอ้างบริษัทจัดหางาน ซึ่งสร้างความเสียหายแก่ระบบ, กำหนดมาตรการป้องกัน ยาเสพติดในกลุ่มแรงงาน
พร้อมกันนี้ ได้ประกาศมอบโครงการ “บินฟรี 100 ตำแหน่ง” ไปทำงานที่ไต้หวันและสิงคโปร์ เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายเริ่มต้นของแรงงานไทย


นางอรัญญา สกุลโกศล ประธานสมาคมนายจ้างส่งเสริมแรงงานไทย กล่าวว่า​ สมาคมยึดหลัก “ยกระดับฝีมือและความรู้ของแรงงานไทยอย่างต่อเนื่อง” และร่วมมือกับพันธมิตรต่างประเทศหลายแห่ง​ จุดสำเร็จที่โดดเด่นคือการจัดส่งแรงงานทักษะช่างเชื่อมไปทำงานในประเทศเกาหลีใต้​, การพัฒนาหลักสูตรตอบโจทย์ตลาดงานจริง​และการผลักดันโครงการ “3 ม.”มีงาน​ มีเงิน​ มีการศึกษาเพื่อให้แรงงานไทยพร้อมทั้งทักษะอาชีพ–ภาษาต่างประเทศ–ความรู้ในการใช้ชีวิตในต่างแดน

 

บทสรุป : ปี 2569 คือปีชี้ชะตาแรงงานไทยในเวทีนานาชาติ
การประชุมมอบนโยบายจัดส่งแรงงานไทยในปี 2569 ไม่ได้เป็นเพียงการแจ้งเป้าหมายตัวเลข แต่สะท้อนถึงความจำเป็นที่ไทยต้องพัฒนาทักษะ, ปรับกฎระเบียบ, สร้างความร่วมมือ, ย้ำสิทธิแรงงานและใช้ข้อมูลจริงนำการตัดสินใจเชิงนโยบาย

ภายใต้คำขวัญ “คนไทยต้องมีงานทำ” รัฐบาลและภาคเอกชนกำลังเดินหน้าผลักดันให้แรงงานไทยทักษะดีขึ้น แข่งขันได้มากขึ้น และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นเมื่อไปทำงานในต่างประเทศ

You may have missed