(สกู๊ปข่าวเมืองไม้ขม ) เมื่อทั้ง บีอาร์เอ็น และ เอ็นจีโอ คือ ศัตรู ของความ มั่นคง รัฐบาล จะ หาทางออกอย่างไร
(สกู๊ปข่าวเมืองไม้ขม )
เมื่อทั้ง บีอาร์เอ็น และ เอ็นจีโอ คือ ศัตรู ของความ มั่นคง รัฐบาล จะ หาทางออกอย่างไร

บรรยากาศเดิมๆของจังหวัดชายแดนภาคใต้เริ่มกลับมาให้เห็นอีกครั้งในปี 2564 นี้ เช่นมี”คาร์บอมบ์” มี ระเบิดแสวงเครื่องใน ถังแก๊ส ใน กล่องเหล็ก เป้าหมายอยู่ที่ เจ้าหน้าที่รัฐ เป็นด้านหลัก มีพิธีรดน้ำศพ มีพิธีส่งศพทหารผู้กล้า ที่เป็น”เหยื่อ”สถานการณ์ให้เห็นเป็นระยะๆ และ เริ่มมี”ไทยพุทธ” ถูกฆ่าตายให้ปรากฏซึ่งในส่วนนี้ พนักงานสอบสวน ต้องทำความจริงให้ปรากฏว่า ผู้ตายเป็นเหยื่อสถานการณ์ หรือมาจากเรื่องส่วนตัว แต่โดยบรรยากาศรวมๆ สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เริ่มกลับไปสู่สภาพเดิมๆ อีกครั้ง

ดังนั้นหน่วยงานความมั่นคง ที่มักจะแถลงข่าวว่า สถานการณ์ของ จชต.ดีขึ้นมาก ให้ระมัดระวังว่าจะไม่เป็นไปอย่างนั้น เพราะสถานการณ์ของ จชต. ดีขึ้น หรือ เลว ลง ไม่ได้อยู่ที่ความมากน้อยของเหตุการณ์ ที่อยู่ที่ข้อเท็จจริง ของคนในพื้นที่
เช่น ถ้าสถานการณ์ดีขึ้นจริงคนไทยพุทธ ไม่ต้องเวียนเทียนกลางวัน ในพิธีทางพุทธศาสนาไม่ต้องสวดศพตอนเย็น และไม่ต้องจัดงานเลี้ยง แต่งงานตอนเที่ยง และสามารถเข้าป่าหาของป่า โดยที่ไม่กลายเป็นศพ และไม่ถูก ข่มขู่ โดยใบปลิว หรือการแขวนป้ายผ้า

และที่สำคัญคนไทยพุทธ ต้อไม่ถูกคุกคามให้หยุดงานวันศุกร์ อย่างบางพื้นที่ใน อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ที่แม้จะไม่มีเสียงปืน เสียงระเบิด และถูกฆ่า แต่ใน”วันศุกร์” ต้องหยุดงานตามที่ถูกข่มขู่เมื่อ 2 ปี ก่อน เพราะในพื้นที่ดังกล่าวร้านค้าปิดร้าน เถ้าแก้รับซื้อน้ำยาง ไม่รับซื้อในวันศุกร์ เพราะกลัวอันตรายจากการถูกข่มขู่
เรื่องอย่างนี้ ฉก.สงขลา และ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า หรือ ฝ่ายปกครอง รับรู้ รับทราบหรือไม่ และหากรู้แล้ว ทำไมจึงไม่มีการแก้ไข ปล่อยให้ หมู่บ้านบางหมู่บ้าน ใน อ.สะบ้าย้อย เป็นเขตอิทธิพลของ บีอาร์เอ็น มานานถึง 2 ปี
และที่สำคัญ หากสถานการณ์ใน จชต. ดีขึ้นจริง และ บีอาร์เอ็น อ่อนล้าใกล้หมดน้ำยาจริง ทำไม องค์กรต่างชาติ เช่น เอ็นจีโอต่างชาติ ในนามของ “เจนีวาคอลล์ และ องค์กรกาชาดสากล อย่าง”ไอซีอาร์ซี” รวมทั้ง ทูตฝรั่งอย่าง สหรัฐอเมริกา อย่าง สหภาพยุโรป อย่าง สวิสเซอร์แลนด์ และ มหาอำนาจ ที่เป็นประชาธิปไตย จึง“เทียวไล้เทียวขื่อ” ใน จชต. เหมือนเดินช็อปปิ้งในเมืองหลวง
ทั้งหมดคือการบอกเหตุว่า สถานการณ์การแบ่งแยกดินแดนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังไม่สงบ องค์กรฝรั่งต่างชาติ จึงยังไม่ถอนกำลังออกจากพื้นที่แต่กำลังทุ่มงบประมาณที่มากขึ้น และสร้างบทบาทให้สำคัญขึ้นกับหน่วยงานของรัฐ เช่นเป็นผู้อบรม ให้ความรู้ในขบวนการ”สันติภาพ” กับ หน่วยงานความมั่นคงใน จชต. ซึ่งหมายความว่า ในอนาคต องค์กรฝรั่งพวกนี้คือผู้กำหนด บทบาททั้งของรัฐบาลไทย และ ของ บีอาร์เอ็น ให้เป็นไปตามกลไกที่ฝรั่งวางเอาไว้
นั่นใน”มิติ” ของความมั่นคงที่ผ่านไปแล้ว 17 ปี แต่ยังไม่”มั่นคง” อย่างที่ต้องการในขณะที่ใน”มิติ” การพัฒนาเพื่อเสริมความมั่นคงของคนในพื้นที่ซึ่งต้องมีการพัฒนาโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ด้วยเรื่องของการลงทุนด้านอุตสาหกรรม เพื่อเป็นการสร้างงาน สร้างเงิน ให้กับคนในพื้นที่ เพราะวันนี้การที่จะฝากอนาคตของคนในพื้นที่ ของประเทศชาติไว้กับ เรื่องของการทำการเกษตร และการท่องเที่ยว เพียง 2 อย่าง ซึ่งเป็นเส้นเลือดหลักนั้นไม่เห็นช่องทางของการที่จะพัฒนาให้ดีกว่าเดิมอย่างแน่นอน
แต่..เพียงคิดและประกาศว่าจะทำก็ถูกกลุ่ม”เอ็นจีโอ”นำชาวบ้านกลุ่มผู้ที่”เห็นต่าง” เพราะรับข้อมูลจาก เอ็นจีโอ ทำการข่มขู่ คัดค้าน โดยไม่ยอมฟังเหตุ และผลของรัฐบาล และของหน่วยงานในพื้นที่ ซึ่งมีหน้าที่ในการ”ขับเคลื่อน” ให้เกิด อุตสาหกรรมขนาดใหญ่
เช่น การคัดค้าน”เมืองต้นแบบที่ 4 “ ที่ อำเภอจะนะ ซึ่งเป็นการต่อยอดจาก เมืองต้นแบบที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ในพื้นที่ จ.ปัตตานี,ยะลา และ นราธิวาส โดยตลอดระยะเวลา 2 ปี ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงไป ทำความเข้าใจกับคนในพื้นที่ คนส่วนใหญ่กว่า ร้อยละ 80 ให้การสนับสนุน แต่คนเพียงไม่กี่ร้อยคน”คัดค้าน” ด้วยการสร้าง”วาทกรรม” การเขียน”ปีศาจ” เพื่อให้คนหวาดกลัว และการประท้วงในรูปแบบต่างๆ ที่คิดค้นโดย “เอ็นจีโอ” ซึ่งก็ไม่ต่างกับ “เจนีวาคอลล์, ที่เป็น เอ็นจีโอ ต่างชาติ ในการ “ชักใย” วางแผนให้ บีอาร์เอ็น ทำการแบ่งแยกดินแดน ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพียงแต่ เอ็นจีโอ ในประเทศไทย เป็นการ”ชักใย” ให้มีการต่อต้านการพัฒนาซึ่งเป็นหนึ่งใน”บ่อนทำลายความมั่นคง” ของประเทศทางเศรษฐกิจ และ สังคม
เช่นเดียวกับที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เมื่อจังหวัดปัตตานี ประกาศแก้ไข ผังเมือง เพื่อขยายพื้นที่เป็น เขตอุตสาหกรรม เอ็นจีโอ ก็นำ”ผู้เห็นต่าง” กลุ่มหนึ่งทำการคัดค้าน ด้วยเหตุผลของกลุ่มตนเพียงฝ่ายเดียว สิ่งที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องที่สร้างความล่าช้าในการพัฒนาพื้นที่ เป็นการสร้างความเบื่อหน่ายให้กับนักลงทุน และสุดท้ายเมื่อเขาเบื่อหน่าย ทั้งในระบบราชการที่ล่าช้า และเบื่อหน่ายกับการประท้วง ในทุกเรื่องที่เป็นเรื่องของการสร้างเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม เขาก็ถอนการลงทุน ไปลงทุนในที่อื่นๆ ที่ไม่มีปัญหา
สุดท้าย จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็จะอยู่ในวงจรเดิมๆมีสวนยางคนละเล็กละน้อย แต่คนในครอบครัวมากขึ้นทำไม่พอกิน ต้องเดินทางไปรับจ้างต่างบ้านต่างเมืองมีคนตกงานมากขึ้น เพราะในพื้นที่ไม่มีการจ้างงาน เพราะไม่มีการลงทุน ไม่มีโรงงานอุตสาหกรรม นักเรียน นักศึกษา จบออกมาส่วนหนึ่งอาจโชคดีได้งานทำในต่างถิ่น แต่ส่วนหนึ่งไม่มีพวกไม่มีทุนก็”ตุรัดตุเหร่” อยู่ในพื้นที่ ตกงาน,ติดยา เดินยา ทำงานสีเทา และ เป็นโจร
ถูกต้อง งานใหญ่ งานแรกของ หน่วยงานที่รัฐบาลตั้งมา เพื่อผลักดันโครงการใหญ่ อย่าง”เมืองต้นแบบ” คือการทำความเข้าใจกับคนในพื้นที่ แต่เมื่อคนส่วนใหญ่เข้าใจโดยมีคนส่วนน้อยไม่เข้าใจ และไม่ยอมรับ ถามว่ารัฐบาลจะฟังคนกลุ่มเล็กๆกลุ่มเดียว และหยุดการ พัฒนาพื้นที่ หยุดการพัฒนาประเทศอย่างนั้นหรือ
ถ้าหน่วยงานที่รับผิดชอบทำความเข้าใจอย่างถึงที่สุดแล้วและการ ขับเคลื่อน ก็เป็นไปตามที่กฎหมาย กฎระเบียบทุกประกา แต่คนกลุ่มน้อยยังทำการคัดค้าน ขัดขวางทุกวิถีทางอย่างที่ เอ็นจีโอ มีการประกาศ และมีการตำหนิ นายกรัฐมนตรี และ รองบนายกรัฐมนตรี 2 ท่าน รัฐบาลก็ต้องกล้าที่จะดำเนินโครงการต่อไปใครขัดขวาง ถ้าเป็นการทำผิดกฎหมาย ก็ต้องใช้กฎหมายมาจัดการ
บ้านเมืองอื่นๆที่เขาพัฒนาไปได้เพราะ รัฐบาลของเขาเข้มแข็ง กล้าทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประชาชนและประเทศชาติ เขาไม่กลัว เอ็นจีโอ นักลงทุนจึงกล้าที่จะลงทุนในประเทศเขายกตัวอย่าง มาเลเซีย มีทุกอย่างที่เราอยากมี และสิ่งที่เขามีก็มีระบบการป้องกันที่ทันสมัย ประชาชนไม่มีใครที่ได้รับผลกระทบ
แต่…บ้านเราเพียงแต่คิดยังไม่ได้ทำก็มี เอ็นจีโอ สร้างปีศาจมาหลอกหลอน และสร้าง”วาทกรรม” เพื่อให้เห็นว่าทุกอย่างเลวร้าย ทั้งหมด ถ้ารัฐบาลไม่เข็มแข็ง เดินหลงทิศเดินผิดทาง ในเรื่องของ”ความมั่นคง” และในเรื่องของ”การพัฒนา” แล้วเมื่อไหร่ แสงสว่างที่ปลาย”อุโมงค์” จะเกิดขึ้น กับ จังหวัดชายแดนภาคใต้ เราจะอยู่กันอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ ตามแต่ยถากรรมอย่างนั้น หรือ
ถ้าใช่ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะ นายกรัฐมนตรี ก็บอกกับชาวบ้านด้วย เขาจะได้หาทางออกด้วยตนเองโดยที่ไม่ต้องหวังพึ่งพารัฐบาล แต่ถ้าไม่ใช่ รัฐบาลก็ต้องเดินหน้าในการแก้ปัญหา จชต. ให้ ถูกทิศ ถูกทาง และไม่หวั่นไหวกับ เอ็นจีโอ กลุ่มนี้
