(รายงานพิเศษ) หลังการ”ปลดปล่อย” สมาชิก “แกนนำ” ในประดับสูง 6 คน ออกมาทำหน้าที่ “คณะพูดคุยสันติสุข”กับตัวแทน “คณะพูดคุยสันติสุข” ของ รัฐบาลไทย

(รายงานพิเศษ) หลังการ”ปลดปล่อย” สมาชิก “แกนนำ” ในประดับสูง 6 คน ออกมาทำหน้าที่ “คณะพูดคุยสันติสุข”กับตัวแทน “คณะพูดคุยสันติสุข” ของ รัฐบาลไทย

 

 

ขบวนการ บีอาร์เอ็น ซึ่งมี ฐานที่มันอยู่ใน รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ก็มีการ ปรับเปลี่ยน “แกนนำ” ระดับ บริหาร สั่งการ ใหม่ เพื่อให้ สอดคล้องกับ ยุทธศาสตร์ใหม่ของ บีอาร์เอ็น นั่นคือการ”ทำสงครามสันติภาพ” ตามที่ “เจนีวาคอล” เป็นผู้ร่วมในการ กำหนด ยุทธศาสตร์ใหม่ของ บีอาร์เอ็น
ในส่วนของ “แกนนำ” ระดับบริหาร สั่งการ และ ผู้นำจิตวิญญาณ คนใหม่ของ บีอาร์เอ็น เป็นใครมีภูมิลำเนาอยู่ใน จังหวัดไหนบ้านใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ เกี่ยวโยงกับ บุคคลใด นักการเมืองพรรคไหน คนไหน ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เชื่อว่า ถ้างาน”การข่าว” ของ หน่วยงานความมั่นคง เข้าถึง และมี”แหล่งข่าว” ใน กลันตัน หรือ กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ก็น่าจะมีข้อมูล เพราะมีการ ปรับเปลี่ยน มาเป็นเวลาระยะหนึ่งแล้ว

แต่…ถ้างาน”การข่าว” ยัง เข้าไม่ถึง “ใจกลาง” ของ บีอาร์เอ็น และ ที่สำคัญ ยังไม่เชื่อว่า บีอาร์เอ็น คือตัวการใหญ่ที่เป็นผู้ก่อการร้ายครั้งใหม่ ตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา ถึงฝ่ายข่าว จะมีงาน”การข่าว” ที่แน่ชัด ก็ไม่สามารถใช้ประโยชน์อะไรกับการดับ”ไฟใต้” เพราะ ผู้นำประเทศ ผู้นำ กองทัพ ไม่สนใจที่จะรับรู้ และไม่ให้ความสำคัญ
ประเด็นที่อยากจะ”สื่อสาร” กับคนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และหน่วยงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในวันนี้คือ การมองไปยัง “ยุทธศาสตร์”ใหม่ของ บีอาร์เอ็น ภายใต้การ หนุนเสริมของ องค์กรระหว่างประเทศอย่าง”เจนีวาคอล” ไอซีอาร์ซี” และ หน่วยงาน แพทย์ไร้พรมแดน ซึ่งมีทั้งที่ เข้ามาตั้งสำนักอยู่ในพื้นที่ และ มีทั้งที่ “ผลุบๆ โผล่ๆ” เข้าๆ ออกๆ ในประเทศ และ ในพื้นที่

ยุทธศาสตร์ใหม่ของ บีอาร์เอ็น ที่เริ่มตั้งแต่ปี 2560-2575 ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ ที่ลดความรุนแรง ที่มีต่อ เป้าหมายที่เป็น พลเรือน เพื่อมาทำ สงครามสันติภาพ ตาม ขบวนการสันติภาพ ภายในการเป็น”องค์กรลับ” เหมือนกับที่ผ่านมา โดยการ ขับเคลื่อน ใน 3 ประเด็นหลัก

นั่นคือ การขับเคลื่อนด้วยการ จัดตั้งขบวนการเด็ก-เยาวชน ในพื้นที่ 3 จังหวัด 4 อำเภอของ จ.สงขลา เพื่อสร้างกองกำลังเด็ก เยาวชนขึ้นมา แทนการสร้าง อาร์เคเค,คอมมานโด และกลุ่ม “ฮาลีเมา” เหมือนในอดีต

แต่ ไม่ได้หมายความว่า “อาร์เคเค คอมมานโด และ ฮาลีเมา จะไม่มี ทั้งสามหน่วยงานหลัก ยังมีการ ฝึก และการ จัดตั้ง เพื่อให้เป็น กำลังติดอาวุธ ในการก่อการร้าย ที่มีเป้าหมายที่ ทหาร ตำรวจ กองกำลังท้องถิ่นติดอาวุธ เพื่อ ดำรงความรุนแรง เป็นการ หล่อเลี้ยงสถานการณ์ของการ ก่อการร้าย เพื่อ แบ่งแยกดินแดน

และ มีไว้ เพื่อ ดึงกำลังของ ทหาร ในพื้นที่ให้คงอยู่ เพื่อรักษาความสงบ เพื่อ ติดตาม เป้าหมาย กำลังติดอาวุธ ที่ เล่น เอาเถิด เอาล่อ กับ เจ้าหน้าที่รัฐ ด้วยการ โผล่ไปที่นั้น ที่นี้ ที่โน้น ทั้งในหมู่บ้าน และ ในเทือกเขา หลังหมู่บ้าน ทำให้ หน่วยงานความมั่นคง ถอนทหาร ไม่ได้ และเมื่อ กำลังทหาร ยังคงอยู่ เต็มพื้นที่ แม้ว่าจะไม่ใช่ทหารจาก กองทัพภาคอื่นๆ แต่เป็น ทหาร ของกองทัพภาคที่ 4 ก็จริง แต่เมื่อกำลังทหารยังเต็มพื้นที่ ก็เท่ากับว่า เป็นการยอมรับโดยปรินายว่า จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังมีสถานการณ์ความรุนแรง
เด็ก เยาวชน ที่ บีอาร์เอ็น จัดตั้งมาจากไหน ก็มาจากผลผลิตของความรุนแรง ที่ผ่านมา 16-17 ปี ที่ทำให้มีเด็กกำพร้า เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ซึ่งเด็กกำพร้า ที่ พ่อ แม่ ถูก ยิง ถูก วิสามัญ หรือ พ่อ หลบหนีไปอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมาก ถูก บีอาร์เอ็น วางแผน ให้ไปอยู่ใน สถานที่ต่างๆ ทั้งที่เป็น”มูลนิธิ ทั้งที่ เป็นองค์กรอื่นๆ ในการดูแล เด็กกำพร้า ด้วยการ สนับสนุนอย่างลับๆ จาก องค์กร ที่เป็น “ปีกทางการเมือง” ของ บีอาร์เอ็น และ หน่วยงานของรัฐ เข้าไม่ถึง ทำได้เพียง ติดตามดูห่างๆ และดูแบบ”โลกสวย” คือ ไม่มีอะไร

ดังนั้น หน่วยงานของรัฐ จึงไม่รู้ว่า เด็กกำพร้า เหล่านี้ถูก “บ่มเพาะ” ด้วยการ ใส่อะไรให้กับเด็ก ดังนั้นถ้าเด็กเหล่านี้ จะกลายเป็นกองกำลังติดอาวุธเด็ก ในอนาคตหน่วยงานความมั่นคงของรัฐ ก็ไม่สามารถรับรู้ได้ รู้อีกที่ก็ตอนที่ เด็กแบกปืนมาไล่ยิง เจ้าหน้าที่ ซึ่งเหมือนกับ สถานการณ์ในปี 2547 ที่อยู่ๆ ก็มี กองกำลังภาคประชาชน ทั้งหนุ่ม ทั้งแก่ มีปืน มีมีด มีไม้ เข้า ปล้นฆ่า เจ้าหน้าที่รัฐ ชิงอาวุธ เพื่อ เข่นฆ่า เจ้าหน้าที่ จน “อลหม่าน” ไปหมด
ในขณะที่มีการสร้างกองกำลังเด็ก ประเด็นที่ 2 บีอาร์เอ็น ก็ขับเคลื่อนการ “เจรจาสันติภาพ” กับ ฝ่ายตัวแทนของรัฐบาลไทย โดยมี ประเทศ มาเลเซีย เป็นผู้อำนวยความสะดวก ซึ่งการขับเคลื่อนด้วยการ เจรจาสันติภาพ ของ บีอาร์เอ็น ต่างกับของ รัฐไทย เพราะในขณะที่ เจรจากับตัวแทนรัฐบาลไทย บีอาร์เอ็น ก็ ขับเคลื่อนเรื่อง สงครามสันติภาพ ในเวทีโลก ในทุกด้าน ทุกปัญหา ทุกโอกาส ที่เปิดในเวทีของ ยูเอ็น จะมีตัวแทนของ บีอาร์เอ็น จาก ปัตตานี และ อื่นๆ เข้าร่วมเวที เพื่อเรียกร้อง สิทธิในการกำหนดใจตนเอง เพื่อ ปลอดปล่อยปัตตานี เป็น เอกราช หรือ เป็นเขตปกครองตนเอง


ส่วนรัฐบาลไทย ก็รอเพียงการ”พูดคุยสันติสุข” กับตัวแทนของ บีอาร์เอ็น ตามวงรอบ และ คอยส่งคนไป”แก้ต่าง” แก้ข้อกล่าวหาของ บีอาร์เอ็น ในเวลาของ ยูเอ็น ตามวาระของการประชุม ปีละครั้ง 2 ครั้ง ซึ่งเห็นชัดเจนว่า การพูดก็ประเด็นที่ใช้ก็ดี และ ตัวบุคคลก็ดี สู้กับตัวแทนจากปีกการเมือง ของ บีอาร์เอ็นไม่ได้ ป่วยการเสียเงิน และ เสียเวลา โดยเปล่าประโยชน์
และ ยุทธศาสตร์สุดท้าย ถ้า สามารถจัดตั้งกองกำลังเด็ก เยาวชนได้สำเร็จ ขับเคลื่อนขบวนการเจราจาสันติภาพได้สำเร็จ คือการปล่อยปาตานี ด้วยวิธีการที่ทำให้ สถานการณ์อยู่ใน เงื่อนไข ที่ถูกกำหนด โดย เจนีวาลอล เข้าสู่ ขบวนการของ ยูเอ็น โดยมี หน่วยงานที่รอรับลูกอยู่แล้ว ในประเทศไทย คือ “ไอซีอาร์ซี” แพทย์ไร้พรหมแดน และองค์กรของ มหาอำนาจอย่าง สหรัฐอเมริกา และ สหภาพยุโรป และอื่นๆ ที่จะเข้ามากำหนดกติกา ให้เราต้องทำตาม กฎบัตรของสหประชาชาติ ด้วยการลงประชามติ จากคนในพื้นที่

ทั้งหมดที่นำมา เขียนเป็นเพียง”น้ำจิ้ม” ของแผนการ ที่ บีอาร์เอ็น เพื่อ”พันธมิตร”ที่เป็นองค์กรต่างชาติกำหนดขึ้น และยังต้องลงรายละเอียดอีกมาก ถึงยุทธศาสตร์ใหม่ของ บีอาร์เอ็น ที่มีต่อ จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย ซึ่งในการประชุมแกนนำของ บีอาร์เอ็น ครั้งล่าสุด เมื่อเดือนพฤศจิกายน มีสิ่งที่น่าสนใจ หลายอย่าง ที่คนในแผ่นดินปลายด้ามขวาน ทั้ง”สุดโต่ง” และ”โลกสวย” ควรรับรู้
เช่น คำสั่งการ “แกนนำ”จากกลันตันที่มาถึงแกนนำ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เช่นในการการเมืองท้องถิ่น ให้สั่งการให้คนในพื้นที่ เลือกผู้สมัคร อบจ. ที่ตัวผู้สมัคร มีแนวคิดในทางที่ใกล้เคียงกับแนวทางของ บีอาร์เอ็น ให้มากที่สุด
ให้ “แนวร่วม” ร่วมชุมชุมที่ กทม. โดยการนำเอาปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และประเด็นปัญหาของ ความขัดแย้งที่ อ.จะนะ เทพา ซึ่งหมายถึง เมืองต้นแบบที่ 4 ไปขยายผลในที่ชุมนุมให้มากที่สุด ให้มีการช่วยเหลือมวลชนในเรื่องของ น้ำท่วมให้การช่วยเหลือ เด็กกำพร้า แต่ให้ระมัดระวังว่ามีเจ้าหน้าที่อยู่เบื้องหลังหรือไม่

รวมทั้งให้ส่งเสริม สร้างครอบครัวนักปฏิวัติ โดยสนับสนุนให้ สมาชิกระดับ เปอร์มูดอ และเปอร์มูดีแต่งงานสร้างครอบครัว และให้ แนวร่วมทุกคนพยายามสร้าง” ซิมปาร์ตี้” ให้มากที่สุด อีกข้อที่น่าสนใจคือ ให้ติดตามหาข่าว การปฏิบัติงานของแม่ทัพภาคที่ 4 คนใหม่ หมายถึง พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ ว่าเป็นแบบ”พิราบ” หรือเป็น”สายเหนี่ยว” เพื่อนำไปกำหนดแผนปฏิบัติการในพื้นที่
“น้ำจิ้ม” ทั้งหมด ทั้งมวล ที่นำมาเล่าสู่กันฟัง เพียงอย่างให้ทุกท่านได้เห็นถึง ความเพียรพยายามของ บีอาร์เอ็น กับ ยุทธศาสตร์ใหม่ เพื่อต้องการบอกว่า บีอาร์เอ็น ยังไม่ยุติการแบ่งแยกดินแดน ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้ทุกท่านได้รับรู้ และ ตระหนัก” ถึงภัย คุกคาม ที่เกิดขึ้น และหาทางทำลายแผนของ บีอาร์เอ็น ให้จงได้

 

นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา
รายงานพิเศษ

You may have missed